Sunday, March 31, 2002

Tagged Under:

“โอเรียนท์ ไทย“ ระทึก เครื่องยนต์ขัดข้อง ผู้โดยสารหูอื้อเลือดออก แอร์ถึงกับร้องไห้กลัว

By: Unknown On: 7:00 AM
  • Share The Gag
    • เดลี่ เมล์ รายงานเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ว่า เกิดเหตุระทึกขึ้นกับเครื่องบิน สายการบินโอเรียนท์ ไทย แอร์เวย์ เที่ยวบินจากไทยไปยังจีน เมื่อเครื่องบินเจอวิกฤตเครื่องยนต์ขัดข้อง ทำให้ผู้โดยสารจำนวนหลายสิบรายหน้ามืดและเลือดออก เพราะภาวะหูอื้อและขาดออกซิเจน ขณะที่นักบินต้องนำเครื่องบินลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินในเมืองคุนหมิง

    • รายงานระบุว่า เครื่องบินลำนี้ เป็นเที่ยวบินจากจังหวัดภูเก็ตของไทย ไปเมืองเฉิงตู ของจีน เที่ยวบิน OX682 ได้บรรทุกผู้โดยสารชาวจีนหลายสิบคนที่เดินทางมาพักผ่อนในจังหวัดภูเก็ต และเดินทางกลับไปยังเมืองเฉิงตู ของจีน เมื่อวันเสาร์ที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

    • โดยเหตุระทึกเกิดขึ้นหลังจากเที่ยวบินเข้าสู่น่านฟ้าประเทศจีนแล้ว โดยเครื่องยนต์เครื่่องบินได้เกิดปัญหาขัดข้องไม่ทำงาน และทำให้เครื่องบินเกิดการลดระดับเพดานบินอย่างฉับพลัน โดยลดระดับการบินลงหลายพันฟุต ทำให้ผู้โดยสารจำนวนมากต้องได้รับความช่วยเหลือ ขณะที่หน้ากากออกซิเจนบนเพดานเครื่องถึงกับตกห้อยลงมา ในสภาพที่สุดโกลาหล โดยผู้โดยสารต่างพากันกรีดร้อง และร้องไห้ กลัวว่าเครื่องบินอาจระเบิดแตกกลางอากาศ

    • ขณะที่เหล่าผู้โดยสารบอกว่า เครื่องยนต์บางเครื่องได้เกิดขัดข้อง ทำให้ผู้โดยสารบนเครื่องมีอาการหูอื้อและเลือดออก รวมทั้งยังหน้ามืด จากภาวะเครื่องบินสูญเสียระดับการบินอย่างฉับพลันด้วย และมีการแจกจ่ายหน้ากากอ๊อกซิเจนให้แก่เหล่าผู้โดยสาร ท่ามกลางสถานการณ์สุดระทึก เพราะแม้แต่แอร์โฮสเตสก็ยังร้องไห้กลัวด้วย ขณะที่เหล่าลูกเรือได้ตัดสินใจยกเลิกการบริการเที่ยวบินนี้ โดยได้แวะพักทันทีที่ลงถึงสนามบินเมืองคุนหมิง และมีการย้ายผู้โดยสารไปยังเที่ยวบินของเครื่องบินอื่นเพื่อมุ่งหน้าเดินทางไปยังเมืองเฉิงตู 



    • ด้านนายลี่ซุย กู วัย 47 ผู้โดยสารชาวจีน บอกว่า เหตุระทึกทำให้เขานึกถึงเหตุเครืองบินตกในฝรั่งเศส และเขากำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกัน

    • ขณะที่แพทย์ได้แนะนำให้ผู้โดยสารบางคนงดเว้นการเปลี่ยนเครื่องดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าสุขภาพแย่ และอาจเสี่ยงอันตรายหากเดินทางต่อเนื่องบนเครื่องบิน ขณะที่เว็บไซต์เดลี่ เมล์ รายงานว่า ได้พยายามติดต่อสอบถามสายการบินไทยสายการบินนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับใดๆ

    ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก: sanook

    0 comments:

    Post a Comment