เลขาฯ สมาคม รพ.เอกชน เมินคุมค่ารักษา

นายกสมาคม รพ.เอกชน แจงค่ารักษาแพง อ้างต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด ไม่มีงบสนับสนุนเหมือน รพ.รัฐ จ่อออกแถลงการณ์โต้ 8 พ.ค. นี้ ชี้ถ้าแพงก็ไม่ต้องมารักษา ด้าน สปสช. เผยข้อมูล 4 ปี ปชช.ร้องเรียนกว่า 2 พันเรื่อง ระบุเป็นหน้าที่ ก.พาณิชย์ คุมค่ารักษา

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. นพ.พงษ์พัฒน์ ปธานวนิช เลขาธิการสมาคม โรงพยาบาลเอกชน กล่าวถึงกรณีที่มีประชาชนร้องเรียนโรงพยาบาลเอกชน เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลแพง ว่า ที่จริงโรงพยาบาลเอกชน ถือเป็นสถานบริการทางเลือก ถ้าคิดว่าแพงก็ไม่ต้องไปรักษา ให้ไปรักษาที่อื่น ต้องเข้าใจว่าโรงพยาบาลเอกชน ต้องดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของบุคลากรทั้งโรงพยาบาล ค่าบริหารจัดการภายในโรงพยาบาลเองทั้งหมด แค่ค่าแรงอย่างเดียวก็คิดเป็นร้อยละ 50 ของรายได้แล้ว จึงทำให้ต้องคิดค่าบริการแพงกว่าโรงพยาบาลรัฐ 2-3 เท่า เพราะโรงพยาบาลรัฐมีงบประมาณของประเทศดูแลอยู่ อย่างไรก็ทางสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เตรียมจะออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีการเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลในวันที่ 8 พ.ค.นี้

"โรงพยาบาลเอกชนเป็นแค่ทางเลือก ถ้าคิดว่าแพงมากก็ไม่ต้องไป ถ้าไม่มีใครไปรักษาเดี๋ยวก็เจ๊งหมด แต่ทุกวันนี้โรงพยาบาลเอกชน ก็ยังโตขึ้นเยอะแยะ ยิ่งแพงยิ่งไป ดังนั้นถ้าแพงไม่มีเหตุผลก็ไม่ต้องไป” นพ.พงษ์พัฒน์ กล่าว

ทางด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ โฆษกสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ตนไม่ทราบแน่ชัดว่ามีผู้ป่วยร้องเรียนโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลเข้ามามากน้อยแค่ไหน แต่จากข้อมูลล่าสุดในปี 2558 พบผู้ป่วยเกิดสำลักอาหารเข้าไปจนเกิดภาวะติดเชื้อที่ปอดและหายใจเองไม่ได้ ต้องเข้าโรงพยาบาลและรักษานานถึง 200 วัน ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงถึง 3 ล้านบาท แต่ สปสช.สามารถจ่ายคืนให้ได้เพียง 6 แสนบาทเท่านั้น ถือว่าน้อยกว่าอัตราที่เรียกเก็บถึง 5 เท่า ทำให้มีการส่งเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่ สปสช. อย่างไรก็ตาม เรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาลและค่ายาของโรงพยาบาลเอกชนนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องควบคุมดูแล กระทรวงสาธารณสุข สปสช. นั้นไม่ได้มีอำนาจในการกำหนดราคาตรงนี้

แหล่งข่าวระดับสูงจาก สปสช. แจ้งว่าตั้งแต่เริ่มโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉิน รักษาทุกที่ ดีทุกสิทธิ” เมื่อปี 2555 พบว่ามีประชาชนร้องเรียนโรงพยาบาลเอกชนเก็บค่ารักษาพยาบาลแพงมาที่ สปสช. จำนวน 2,196 คน แบ่งเป็นสิทธิข้าราชการจำนวน 1,253 คน สิทธิบัตรทองจำนวน 810 คน ประกันสังคม 129 คน และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น 3 คน และพบว่ามีโรงพยาบาลเอกชนฟ้องร้องประชาชน 1 คน และประชาชนฟ้องร้องต่อกระทรวงสาธารณสุข และ สปสช.อีก 3 คน