เบรกครูยังไม่ถึงเวลาประท้วง ปมปฏิรูปสถานศึกษา

นายกฯ เบรกครูยังไม่ถึงเวลาประท้วง ชี้โอนสถานศึกษาสังกัดท้องถิ่น ยังเป็นแค่แนวคิดของ สปช. ชี้ทุกคนต้องเสียสละมองประโยชน์ชาติเป็นหลัก สั่งทุกกระทรวงเร่งดูแลผู้มีรายได้น้อย

เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ถึงข้อเสนอเรื่องการปฏิรูปการศึกษาของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่จะมีการถ่ายโอนโรงเรียนและสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไปอยู่ในการกำกับดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ว่า ตนกังวลในเรื่องนี้ อยากบอกกับบรรดาครูที่ออกมาคัดค้านว่า อย่าไปตกใจแนวคิดดังกล่าว เพราะยังไม่ถึงเวลา ยังไม่รู้เลยว่าจะปฏิรูปอย่างไร ทั้งนี้การปฏิรูปต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลชุดใหม่ โดยการปรับแก้ไขภายในกระทรวง ต้องหาผู้ที่รับผิดชอบ ถามว่า 2 รัฐบาลที่ผ่านมามีแนวคิดที่จะปฏิรูปแล้วทำได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ เพราะการปฏิรูปนั้นกระทบต่อคะแนนเสียง ความเห็นชอบของประชาชน การที่จะให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่สามารถเอาใจทุกคนได้ จำเป็นต้องมีกรอบให้เดินในระยะแรก

“ที่ สปช.เสนอให้ครูในพื้นที่ไปขึ้นกับท้องถิ่น เป็นการเสนอใน สปช. แต่ก็เอาแล้ว ไม่ยอม จะเดินขบวน มันยังไม่ออกมาเลย รัฐธรรมนูญก็ยังไม่เสร็จ จะประท้วงอะไรตั้งแต่วันนี้ ทุกกฎหมายก็ต้องไปสู้กันใน สนช. กว่าจะออกมาก็สามวาระ ซึ่งก็จะต้องมีการชี้แจง ปรับเปลี่ยน แก้ไข” นายกฯ กล่าว และว่าทุกคนต้องเสียสละมองประโยชน์ของชาติเป็นหลัก โดยสั่งการไปว่าเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องยืนยันกฎหมายเป็นกฎหมาย ต้องนำกฎหมายมาดู เพื่อจะได้ทราบว่ามีผลกระทบอย่างไรบ้าง ทำอย่างไรประชาชนจึงจะอยู่ร่วมกันในกฎหมายที่มีอยู่อย่างเป็นธรรม หากไม่มีปัญหาต่อกัน ก็ไม่ต้องใช้ วันนี้มีกฎหมายที่แรงที่สุดคือกฎอัยการศึก และรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ถามว่า ถ้าปลุกระดมกันขึ้นมามาก ๆ ก็มีโอกาสเกิดขึ้น ถ้าประชาชนไม่เข้มแข็ง ไม่เข้าใจการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะที่ผ่านมาอธิบายไม่มาก แน่นอนการทำทุกอย่างต้องมีปัญหา แต่เราเลือกประชาชนเป็นศูนย์กลาง จะทำอะไรประชาชนต้องได้ประโยชน์  

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ตนได้ย้ำในที่ประชุม ครม.ถึงความเป็นห่วงเศรษฐกิจระดับล่าง และได้สั่งการให้ทุกกระทรวงดูแลผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก ให้มีความเข้มแข็งในทุกมิติ ซึ่งต่อไปตนจะลงไปไล่ตรวจดูด้วยว่าคนในระดับล่างมีความเข้าใจถึงนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ เพื่อเป็นมาตรการในการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ว่าเจ้าหน้าที่ทุกส่วน มีการพัฒนาตัวเองหรือไม่ โดยวันนี้ต้องทำในเชิงรุก.