วันนี้ (18 เม.ย.) สำนักข่าว ‘อัลจาซีรา’ รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ระเบิดรถยนต์บริเวณด้านนอกสถานกงสุลของสหรัฐฯ เมืองเออร์บิล เมืองหลวงของเขตปกครองตนเองชาวเคิร์ด ประเทศอิรัก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และบาดเจ็บอีก 14 รายโดยหลังจากเกิดเหตุ กลุ่มรัฐอิสลามในอิรัก หรือ กลุ่มไอเอส ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ โดยบัญชีทวิตเตอร์ ของกลุ่มเครือข่ายกลุ่มสุดโต่งได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับ หัวข้อการจู่โจมด้วยการระเบิดรถยนต์บริเวณสถานที่ดังกล่าว เนื่องด้วยความกระทบกระทั่ง และความขัดแย้งในการทำสงครามมาตลอดก่อนหน้านี้
ด้านกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากก่อการร้ายในครั้งนี้ทั้งนี้ผู้สื่อข่าว อัลจาซีรา ระบุว่า เหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก สหรัฐฯ ได้ตกลงร่วมมือ กับกลุ่มชาวเคิร์ด ในปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มไอเอส
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเหตุการณ์การสร้างความไม่สงบ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีหลายเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น นับตั้งแต่ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เกิดเหตุคาร์บอมบ์บริเวณบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในภาคตะวันออกของกรุงแบกแดด มีผู้เสียชีวิต 31 ราย ซึ่ง 30 นาทีก่อนหน้านั้น มีเหตุการณ์คาร์บอมบ์บริเวณตลาดแห่งหนึ่งในเมือง เอมิล คร่าชีวิตประชาชน 9 ราย และบาดเจ็บอีก 20 ราย และอีกหลายเหตุการณ์ ซึ่งเป็นการก่อเหตุในรูปแบบ ดาวกระจาย ทั่วย่านที่มีประชาชนพลุกพล่าน
ด้านกลุ่มไอเอสได้ออกมาประกาศว่าตนเป็นผู้ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้ รวมทั้งการวางระเบิดรถยนต์สองครั้งในกรุงแบกแดด ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย ผ่านทางเว็บไซต์เผยแพร่ข่าวสารของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้
0 comments:
Post a Comment